วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

โรคข้อกระดูกเสื่อม ปวดข้อ การเฝ้าระวังโรคข้อกระดูกเสื่อม และจ้อนท์แคร์ (jontkare)


การเฝ้าระวังโรคข้อกระดูกเสื่อม




         แพทย์ด้านกระดูกออกมาเตือนเรื่อง "โรคข้อกระดูกเสื่อม" พบในคนอายุน้อยลง ซึ่งโรคข้อกระดูกเสื่อมเกิดขึ้นได้ในคนที่มีอายุ 45-50 ปีขึ้นไป จากสถิติของผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมพบประมาณ 1 ใน 3 หรือคิดเป็นร้อยละ 34.5-45.6 ของประชากรทั้งประเทศ  โดยส่วนใหญ่มักพบในคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป สาเหตุมาจากภาวะอ้วน ทำให้ข้อเข่าแบกรับน้ำหนักเกิน เล่นกีฬาหักโหมเกินไป โดยเฉพาะฟุตบอล ให้หลีกเลี่ยงการคุกเข่า นั่งขัดสมาธิ นั่งยอง ๆ และนั่งพับเพียบ รวมทั้ง การประสบอุบัติเหตุ หรือการเล่นกีฬาหักโหมเกินไป  อาทิ การเล่นฟุตบอล เป็นต้น และปัจจัยด้านอายุ พันธุกรรม ยังพบว่า การเปลี่ยนแปลงในกระดูกอ่อนจากโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ การติดเชื้อในข้อ หรือโรคเกาต์ ก็มีส่วนทำลายกระดูกอ่อนผิวข้อให้เสื่อมเร็วยิ่งขึ้น

         เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่บริเวณโซนอีเดนชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มูลนิธิทศวรรษโรคกระดูกและข้อ(ประเทศไทย) ร่วมกับบริษัท มิลลิเมด จำกัด จัดกิจกรรม "Joint Free จารบีข้อเข่า" ขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนมีความเข้าใจถึงสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค รวมทั้งแนวทางการป้องกันและรักษาโรคข้อกระดูกเสื่อม



         โรคข้อกระดูกเสื่อม เป็นโรคที่กระดูกอ่อนบริเวณผิวข้อเกิดความผิดปกติ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของกระดูกอ่อนบริเวณผิวข้อทั้งทางด้านรูปร่าง โครงสร้างและทางเคมี โดยปกติกระดูกอ่อนจะมีความยืดหยุ่น ทำหน้าที่ลดแรงที่กระทำต่อข้อกระดูก และทำให้ข้อเคลื่อนไหวด้วยความราบรื่น เมื่อกระดูกอ่อนเสื่อมกระดูกแท้จะเสียดสีกันทำให้เกิดความเจ็บปวด และเกิดเสียงดัง จนทำให้สูญเสียหน้าที่ในการเคลื่อนไหว รับน้ำหนัก และกระจายแรง ซึ่งภาวะข้อกระดูกเสื่อมมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามอายุที่มากขึ้น



           ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมให้หายขาดได้ แต่สามารถลดอาการปวดได้ เช่น การทำกายภาพบำบัด การบริหารกล้ามเนื้อเข่า การใช้ยา และการผ่าตัด  ซึ่งปัจจุบันการใช้ยาก็สะดวกมากขึ้น โดยมีผงชงละลายน้ำกลูโคซามีน ซัลเฟต สำหรับดื่มวันละ 1 ครั้ง เพื่อช่วยชะลอการสึกหรอของกระดูกอ่อนผิวข้อ และช่วยบรรเทาอาการปวดของโรคข้อเสื่อม แต่ต้องร่วมกับการบริหารกล้ามเนื้อเข่า หรือกายภาพบำบัด 
          แนวทางสำคัญควรป้องกันหรือชะลอการเกิดโรคให้ช้าที่สุด โดยควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วนเกินไป หลีกเลี่ยงการคุกเข่า ขัดสมาธิ หรือนั่งยอง ๆ รวมทั้งการขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ  โดยไม่จำเป็น และควรบริหารกล้ามเนื้อเข่าให้แข็งแรง เพราะจะช่วยให้การใช้งานข้อเข่าดียิ่งขึ้น โดยเลือกการออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น การเดิน การปั่นจักรยาน หรือการออกกำลังกายในน้ำ เป็นต้น



         "ทางที่ดีที่สุดต้องรู้จักดูแลตัวเอง อย่าใช้งานพวกข้อเข่ามากจนเกินไป เพราะจะทำให้เสื่อมเร็วขึ้น ที่สำคัญหากป่วยด้วยโรคข้อเข่าเสื่อม จะมีอาการตั้งแต่ข้อฝืด ไปจนกระทั่งปวดบริเวณข้อ จนไม่สามารถเดิน หรือเคลื่อนไหวไปไหนได้" 

         โรคข้อเข่าเสื่อม เป็นโรคที่พบในผู้ป่วยสูงอายุ แต่ผู้ป่วยที่มีโรคข้อเรื้อรัง เช่น โรครูมาตอยด์ โรคเกาต์ หรือผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุที่ข้อเข่า ก็อาจจะเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมในขณะที่อายุยังไม่มาก โดยเฉพาะคุณผู้หญิงจะมีโอกาสเป็นข้อเสื่อมได้มากกว่าผู้ชาย เนื่องจากความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อน้อยกว่าผู้ชาย


อาการที่สำคัญของโรคข้อกระดูกเสื่อม 

          1. ปวดเข่า เป็นอาการที่สำคัญเริ่มแรก จะปวดเมื่อยตึงทั้งด้านหน้าและด้านหลังของเข่า หรือบริเวณน่อง เมื่อเป็นมากขึ้นจะปวดบริเวณเข่าเมื่อมีการเคลื่อนไหว ลุกนั่งหรือเดินขึ้นบันไดไม่คล่องเหมือนเดิม
         2. มีเสียงในข้อ เมื่อเคลื่อนไหวผู้ป่วยจะรู้สึกมีเสียงในข้อและปวดเข่า
         3. อาการบวม หากข้อมีการอักเสบก็จะเกิดข้อบวม
         4. ข้อเข่าโก่งงอ อาจจะโก่งด้านนอกหรือโก่งด้านใน ทำให้ขาสั้นลงเดินลำบากและมีอาการปวดเวลาเดิน



        5. ข้อเข่ายึดติด ผู้ป่วยจะไม่สามารถเหยียด หรืองอขาได้สุดเหมือนเดิม เนื่องจากมีการยึดติดภายในข้อ


ปัจจัยที่ก่อให้เกิดข้อเข่าเสื่อม
           1. อายุ อายุมากมีโอกาสเป็นมากเนื่องจากอายุการใช้งานมาก
           2. เพศ  ซึ่งเพศหญิงจะเป็นโรคเข่าเสื่อมมากกว่าผู้ชาย 2 เท่า
           3. น้ำหนัก ยิ่งน้ำหนักตัวมากข้อเข่าจะเสื่อมเร็ว
           4. การใช้ข้อเข่า ผู้ที่นั่งยอง ๆ นั่งขัดขัดสมาธิ หรือนั่งพับเพียบนาน ๆ จะพบข้อเข่าเสื่อมเร็ว
           5. การได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเข่า ผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุที่ข้อเข่า ไม่ว่าจะกระดูกข้อเข่าแตกหรือเอ็นฉีก จะเกิดข้อเข่าเสื่อได้
           6. ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก ผู้ที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และได้รับแคลเซียมในปริมาณที่พอเพียงจะชะลอการเสื่อมของเข่า


การวินิจฉัยข้อเข่าเสื่อม
         แพทย์จะมีขั้นตอนการวินิจฉัยว่าท่านเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมหรือไม่  เมื่อท่านไปพบแพทย์ด้วยอาการปวดเข่าเรื้อรัง 
           1) ซักประวัติและตรวจร่างกาย โดยเน้นที่การตรวจข้อเข่า ซึ่งอาจจะพบลักษณะที่สำคัญคือ ข้อบวม หรือขนาดข้อใหญ่และมีการงอของข้อเข่า
           2) การถ่ายภาพรังสี ก็จะพบว่าช่องว่างระหว่างกระดูกเข่าแคบลง ซึ่งหมายถึงกระดูกอ่อนมีการสึกหรอ หากสึกมากก็ไม่พบช่องว่างดังกล่าว
           3) การเจาะเลือด การเจาะเลือดเพื่อวินิจฉัยแยกโรค ที่อาจจะเป็นสาเหตุของโรคปวดเข่าเรื้อรังเช่น โรคเกาต์ หรือโรครูมาตอยด์
           4) การตรวจน้ำหล่อเลี้ยงเข่า ในกรณีที่เข่าบวม แพทย์จะเจาะเอาน้ำหล่อเลี้ยงเข่าออกมาตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์
           5) การตรวจความหนาแน่นของกระดูก เป็นการตรวจหาโรคกระดูกพรุน
       การป้องกันโรคข้อกระดูกเสื่อม ผู้ป่วยควรรู้จักการปฏิบัติตัวที่จะไม่ทำให้ข้อเสื่อมเร็วขึ้น เช่น การวิ่ง นังพับเพียบ ในรายที่มีข้อเข่าเสื่อม ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนัก การใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น ไม้เท้า จะช่วยลดการถ่ายแรงที่กระทำต่อข้อเข่าได้



      จ้อนท์แคร์ (jontkare) ลดความเสี่ยงและบรรเทาความเสื่อมของข้อ โรคข้อกระดูกเสื่อม และโรคเก๊าท์


ส่วนประกอบสำคัญของจ้อนท์แคร์
   1.ผงกระดูกอ่อนจากปลาฉลาม มีสารสำคัญ คือ กลูโคซามีนและคอนโดอิทินซัลเฟต เป็นสารที่มีความสำคัญมากต่อข้อต่อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ซึ่งในกระดูกอ่อนปลาฉลามมีสารสำคัญ ได้แก่
     -กลูโคซามีน มีหน้าที่สร้างโมเลกุลที่ซับซ้อน เพื่อใช้ในการซ่อมแซมและหล่อเลี้ยงกระดูกอ่อน โดยการเพิ่มน้ำไขกระดูก
     -คอนโดอีทิลซัลเฟต เป็นสารที่ทำหน้าที่คล้ายฟองน้ำ หรือเป็นส่วนประกอบส่วนใหญ่ของนวมที่ลดการเสียดสีของปลายกระดูกแข็งสองท่อน ทำให้มีคุณสมบัติดีเยี่ยมสำหรับบรรเทาอาการปวดข้อต่อต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะข้อเข่า และยังช่วยชะลอการเสื่อมของเข่าได้ด้วย

   2.สารสกัดจากบลูเบอร์รี่ มีสารแอนโทไซยานิดีน ที่มีประสิทธิภาพในการลดและยับยั้งการสร้างลิวโคทรีนที่เป็นสาเหตุของการอักเสบ ทำให้อาการเจ็บปวดและอักเสบน้อยลง

   3.สารสกัดจากขิง ช่วยบรรเทาอาการปวดและบวมตามข้อ เนื่องจากขิงสามารถลดการสร้างฮอร์โมน พรอสตาแกลนดิน ซึ่งเป็นตัวเริ่มต้นที่ทำให้เกิดอาการอักเสบ



   4.สารสกัดจากขมิ้น มีสารเคอร์คูมินช่วยชะลอการสร้างพรอสตาแกลนดิน ทำให้ระงับการอักเสบและปวดบวม โดยไปกระตุ้นต่อมหมวกไตให้หลั่งสารคอร์ติโวนเพื่อระงับการอักเสบและความปวด
          จ้อนท์แคร์ (jontkare) เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่ให้ผลจากการรับประทาน 100% เห็นผลจริง รวดเร็ว ชัดเจน จึงขายดีที่สุดในขณะนี้



ผลิตภัณฑ์ จ้อนท์แคร์ (jontkare) สามารถป้องกันและแก้ปัญหาโรคข้อกระดูกเสื่อม ได้ผลจริง
ปริมาณและราคา 1 ขวดบรรจุ 30 เม็ด ราคา 1,050 บาท

สั่งสินค้าคลิกที่นี้

ดูข้อมูลที่   http://jontkaresaibua.blogspot.com

สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่ายที่

คุณ สายบัว  บุญหมื่น   โทร. 088 415 3926

ID Line :   bua300908

อีเมล์   sboonmuen@gmail.com    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น